บทความสาระน่ารู้ Work-Life Balance คุณภาพชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้
บทความ
บทความสาระน่ารู้

Work-Life Balance คุณภาพชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้

13 มิถุนายน 2568

Work-Life Balance คุณภาพชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้

ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร่งรีบกับเวลาและเต็มไปด้วยความท้าทาย จนสะสมความเครียดและเกิดอาการภาวะ Burn Out การรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว หรือที่เรียกว่า Work-Life Balance จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับคนยุคใหม่ 

ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะแยกชีวิตการทำงานออกจากชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะเมื่อหลายคนต้องทำงานจากบ้าน (Work From Home) แต่จริงๆ แล้ว การสร้างสมดุลนี้เป็นสิ่งที่เรา สามารถเลือกและปรับเปลี่ยนได้ ผ่านการจัดการเวลา สภาพแวดล้อม และพื้นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม

The Best Property พร้อมส่งต่อเคล็ดลับการจัดระเบียบชีวิตและบริหารเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อให้คุณสร้าง Work-Life Balance คุณภาพชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้

สัญญาณเตือนว่า Work-Life Balance ของคุณเริ่มเสียสมดุล

  • รู้สึกเหนื่อยล้าแม้จะนอนครบ 8 ชั่วโมง
  • ไม่มีเวลาให้ครอบครัวหรือคนสำคัญในชีวิต
  • ขาดแรงจูงใจทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ไม่มีเวลาพักผ่อนหรือดูแลสุขภาพอย่างเพียงพอ
  • ต้องใช้เวลาทำงานนอกเวลามากเกินไปจนกระทบเวลาส่วนตัว

หากคุณเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ แสดงว่านี่คือช่วงเวลาที่ควรหยุด และกลับมาประเมินตัวเองอย่างจริงจัง ว่าคุณยังสามารถบริหารจัดการชีวิตให้สมดุลได้ดีหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ความเครียดและความเหนื่อยล้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายใจในระยะยาว

ทำความเข้าใจ Work-Life Balance

Work-Life Balance คือ การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างลงตัว ซึ่งหมายถึงการจัดสรรเวลาให้เหมาะสมระหว่างความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน กับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนอย่างเพียงพอ การดูแลสุขภาพ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับคนสำคัญในชีวิต

อย่างไรก็ดี ความสมดุลของ Work-Life Balance นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ช่วงวัย เป้าหมายชีวิต และสถานการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักตัวเอง เพื่อปรับสมดุลให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของตนเอง ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับมีความสุขในการใช้ชีวิตควบคู่กันไป กับวิธีสร้าง Work-Life Balance คุณภาพชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้

9 วิธีสร้าง Work-Life Balance เริ่มจัดระเบียบชีวิตที่ตัวเรา

1. ตั้งเป้าหมายของตัวเอง


การสร้าง Work-Life Balance ที่ดี ควรเริ่มต้นจากการรู้จักตัวเองและเข้าใจถึงสิ่งที่เราต้องการจริงๆ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถลงมือปฏิบัติได้จริงและวัดผลได้นั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารเวลาที่ดี ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้หลัก SMART ในการกำหนดเป้าหมาย จะช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น

  • S : Specific – เฉพาะเจาะจง
  • M : Measurable – วัดผลได้
  • A : Achievable – บรรลุผลได้, สำเร็จได้
  • R : Realistic – สมเหตุสมผล สอดคล้องกับความเป็นจริง
  • T : Timely – กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน

 

2. จัดลำดับความสำคัญในชีวิต

การบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการจัดลำดับความสำคัญของงานอย่างชัดเจน และหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมคือ เทคนิค Eisenhower Matrix ซึ่งช่วยให้คุณแยกแยะงานตามความสำคัญและความเร่งด่วน โดยแบ่งงานออกเป็น 4 หมวดหมู่ ดังนี้

  1. สำคัญและเร่งด่วน
    งานที่ต้องทำทันที เช่น งานที่มีกำหนดส่งในวันนี้หรือสถานการณ์ที่ต้องแก้ไขด่วน
  2. สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน
    งานที่ควรวางแผนล่วงหน้าและทำในอนาคต เช่น การพัฒนาทักษะ หรือการวางแผนโครงการ
  3. ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน
    งานที่ควรมอบหมายให้ผู้อื่นทำหากเป็นไปได้ เช่น การตอบอีเมลทั่วไป หรืองานที่ก่อให้เกิดความรบกวน
  4. ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน
    งานที่ควรตัดทิ้งหรือทำเมื่อมีเวลาว่าง เช่น การเล่นโซเชียลมีเดียโดยไม่จำเป็น

 

ด้วยการใช้เทคนิคนี้ คุณจะสามารถโฟกัสกับงานที่มีความสำคัญจริงๆ ได้อย่างเต็มที่ ลดเวลาเสียไปกับงานที่ไม่จำเป็น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมอย่างชัดเจน

3. จัดการกับอารมณ์ เพื่อชีวิตที่สมดุล

อารมณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว หากเราไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ได้ดี ความเครียดจากงานอาจลามไปสู่ภายในบ้าน หรือในทางกลับกัน ปัญหาส่วนตัวก็อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานอย่างไม่รู้ตัว

การจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ หงุดหงิด เครียด หรือวิตกกังวล ล้วนต้องได้รับการดูแล ลองหาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง เช่น

  • ฝึกสมาธิหรือควบคุมลมหายใจ
  • ออกกำลังกาย เดินเล่น หรือท่องเที่ยว
  • ทำกิจกรรมที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม วาดรูป ปลูกต้นไม้ หรืออ่านหนังสือ
  • พูดคุยกับคนใกล้ชิด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

 

สิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาสมดุลของร่างกายและจิตใจ ให้คุณสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีพลัง พร้อมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆ วัน

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับคือพื้นฐานสำคัญของ Work-Life Balance เพราะการพักผ่อนที่เพียงพอไม่เพียงแค่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย แต่ยังช่วยให้คุณรับมือกับความเครียด ควบคุมอารมณ์ และมีสมาธิในการทำงานหรือใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไป ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมแบ่งตามช่วงวัยได้ดังนี้

  • วัยรุ่น (14–17 ปี) ควรนอนวันละ 8–10 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการหลั่ง Growth Hormone ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต
  • วัยผู้ใหญ่ (18–64 ปี) ควรนอนวันละ 7–9 ชั่วโมง เพื่อให้สมองได้พักจากความเครียดและความเหนื่อยล้า ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและพร้อมรับมือกับงานในวันถัดไป

 

การมีบ้านที่น่าอยู่ บรรยากาศสงบ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้นอนหลับสนิทและมีคุณภาพ หากคุณกำลังมองหาบ้านมือสองที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สงบ สบาย และเหมาะกับการพักผ่อนในทุกวัน The Best Property ยินดีช่วยคุณหาบ้านที่ใช่สำหรับชีวิตที่สมดุล

5. ใส่ใจกับสุขภาพกายและใจ

การสร้าง Work-Life Balance ไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่เสมอไป บางครั้งเพียงแค่ “ดูแลตัวเองให้มากขึ้น” ก็ช่วยให้ร่างกายและจิตใจกลับมาอยู่ในจุดสมดุลได้อีกครั้ง

เริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ อย่างการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายสดชื่น มีชีวิตชีวา สมองปลอดโปร่ง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และกำหนดเวลาเข้านอน ให้แน่นอน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพิ่มพลังให้พร้อมรับวันใหม่

นอกจากนี้ ควรกำหนดวันพักผ่อนอย่างจริงจัง และแบ่งเวลาคุณภาพให้กับคนรอบข้างหรือครอบครัว การใช้เวลาในการพูดคุย หรือทำกิจกรรมร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ และเป็นแรงพลังใจสำคัญในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

6. ชัดเจนเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการสร้าง Work-Life Balance คือการ กำหนดเส้นแบ่งให้ชัดเจนระหว่าง “เวลางาน” กับ “เวลาส่วนตัว” เมื่ออยู่ที่ทำงาน ควรโฟกัสกับหน้าที่ตรงหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานเสร็จตามเป้าหมาย

แต่เมื่อเลิกงานและกลับถึงบ้านแล้ว ควรวางเรื่องงานไว้ข้างหลัง และให้เวลากับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่กับครอบครัว ทำกิจกรรมที่ชอบ หรือแค่ได้นั่งเงียบๆ กับตัวเอง ก็ล้วนช่วยให้คุณได้ฟื้นฟูพลังใจ ให้พร้อมสำหรับวันใหม่อย่างแท้จริง เพราะชีวิตที่ดีเริ่มจากการให้ความสำคัญกับทั้ง “งานที่รัก” และ “เวลาที่เป็นของเรา” อย่างสมดุล

7. กล้าที่จะปฏิเสธ และเรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือ

ในโลกของการทำงาน ไม่มีใครที่สามารถแบกรับทุกอย่างไว้ได้เพียงลำพัง การรู้จัก “ขอความช่วยเหลือ” เมื่อจำเป็น จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย กลับกันคือทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากพบว่าตนเองมีภาระงานล้นมือจนส่งผลต่อคุณภาพงานหรือสุขภาพจิต อย่าลังเลที่จะพูดคุยหรือขอแรงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม

ในขณะเดียวกัน การ “กล้าปฏิเสธอย่างสุภาพ” ก็เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ช่วยรักษา Work-Life Balance ได้ดี โดยเฉพาะเมื่องานที่ถูกขอให้ช่วยเกินขอบเขตเวลาหรือความสามารถของตนเอง การปฏิเสธไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบ หากแต่อยู่บนพื้นฐานของการเคารพขีดจำกัดของตัวเอง และให้ความสำคัญกับทั้งประสิทธิภาพในการทำงานและสุขภาพจิตของเรา เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณและทีมงานก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง และไม่เสียสมดุลของชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว

8. บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นได้ง่ายๆ


การจัดตารางด้วยเครื่องมืออย่าง To-Do List, Google Calendar หรือแอปจัดการเวลาอื่น ๆ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของงานทั้งหมด ช่วยวางแผนล่วงหน้า และลดความเครียดจากงานที่เร่งเร้า ที่สำคัญ! อย่าลืมกันเวลาไว้สำหรับการพักผ่อนหรือ “me time” ด้วย เพราะการมีสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว คือหัวใจของการใช้เวลาที่คุ้มค่าที่สุด

9. Work-Life Balance ต้องใส่ใจอยู่เสมอ

การมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องอาศัยการทบทวนและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เพราะชีวิตเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว หรือสุขภาพ ดังนั้น การหมั่นตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ตอนนี้ชีวิตสมดุลดีหรือยัง?” คือกุญแจสำคัญในการดูแลทั้งความสุขและประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อมกัน

Work-Life Balance มีประโยชน์อย่างไร?

การทำงานอย่างหนักไม่ใช่คำตอบเดียวของความสำเร็จ แต่ “การบาลานซ์ชีวิตให้ดี” ต่างหากคือกุญแจที่แท้จริง ซึ่ง Work-Life Balance มีข้อดีมากมาย เช่น

  • ลดความเสี่ยงหมดไฟ (Burnout) เมื่อเราแบ่งเวลาให้ตัวเองได้พักบ้าง ร่างกายและสมองจะไม่ล้าเกินไป
  • สุขภาพกายดีขึ้น ห่างไกลโรคออฟฟิศซินโดรม เพราะมีเวลาขยับร่างกาย พักสายตา และนอนหลับเพียงพอ
  • สุขภาพใจแข็งแรง ลดความเครียดสะสม ห่างไกลภาวะซึมเศร้า
  • มีเวลาคุณภาพกับคนรอบข้าง ไม่หลุดจากสังคม และความสัมพันธ์ดีขึ้น
  • ทำงานได้อย่างมีความสุข เมื่อชีวิตไม่ตึงเกินไป คุณจะสนุกกับงาน และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

จำไว้ว่า... ชีวิตที่ดีไม่ใช่แค่ทำงานเก่ง แต่ต้องบาลานซ์เป็นด้วย

บ้านมือสอง ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ชีวิต Work-Life Balance ได้อย่างลงตัว

หลายคนอาจคิดว่าการมีบ้านหลังสวยๆ หรือบ้านที่จัดพื้นที่ได้ดีต้องเป็นบ้านใหม่เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว บ้านมือสองจาก The Best Property เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่ามาก เพราะนอกจากจะได้บ้านพร้อมอยู่ในทำเลดีแล้ว ยังช่วยให้คุณมีงบประมาณเหลือไว้ตกแต่ง ปรับปรุง หรือจัดวางพื้นที่ใหม่ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อย่างอิสระ

ทำไมบ้านมือสองถึงเหมาะกับการสร้าง Work-Life Balance?

  • ทำเลที่ตั้งใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกและระบบขนส่งสาธารณะ
    การเลือกบ้านที่เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า หรือแหล่งงาน ทำให้ลดเวลาที่ต้องใช้เดินทางไป-กลับ เพิ่มเวลาสำหรับพักผ่อนและดูแลตัวเอง
  • พื้นที่ใช้สอยที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย
    บ้านมือสองมักมีพื้นที่จริงที่ชัดเจน สามารถจัดมุมทำงานและมุมพักผ่อนได้ตามต้องการ
  • งบประมาณที่ยืดหยุ่นกว่า
    เมื่อซื้อบ้านมือสองในราคาที่คุ้มค่า คุณสามารถนำเงินส่วนที่เหลือไปตกแต่งหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและงานได้
  • ความพร้อมในการเข้าอยู่อาศัย
    บ้านมือสองส่วนใหญ่พร้อมเข้าอยู่และมีโครงสร้างมั่นคง ช่วยลดความกังวลเรื่องซ่อมแซมหรือรีโนเวทมากเกินไป

 

เคล็ดลับจัดบ้านมือสองให้เหมาะกับ Work-Life Balance

  • กำหนดพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักผ่อนให้ชัดเจน
    แม้จะอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน การมี “มุมทำงาน” ที่แยกจาก “มุมพักผ่อน” จะช่วยให้คุณโฟกัสงานได้ดีขึ้น และเมื่อถึงเวลาพักก็ไม่รู้สึกว่ากำลังทำงาน
  • เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับพื้นที่และฟังก์ชัน
    ใช้โต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัด เก้าอี้นั่งสบาย พร้อมชั้นวางของที่ช่วยจัดระเบียบ ลดความรก และช่วยให้จิตใจสงบ
  • ตกแต่งด้วยสีและแสงที่ช่วยผ่อนคลาย
    สีโทนอ่อน เช่น สีฟ้า สีเขียว หรือสีเบจ ช่วยสร้างบรรยากาศสงบ มีแสงธรรมชาติช่วยให้ห้องดูโปร่งและสดชื่น
  • เพิ่มพื้นที่สีเขียวเล็ก ๆ
    ต้นไม้ประดับในบ้านช่วยฟอกอากาศ และช่วยให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เพิ่มความสดชื่นให้พื้นที่ใช้ชีวิต

 

เลือกซื้อ บ้านมือสอง กับ THE BEST PROPERTY ดียังไง?

การสร้าง Work-Life Balance ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของเวลา แต่คือการออกแบบชีวิตให้ลงตัวในทุกด้าน และ “บ้าน” ก็เป็นส่วนสำคัญของสมดุลนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บ้านที่ดีควรตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน ไม่ว่าคุณจะมองหาพื้นที่ทำงานเงียบๆ ในบ้าน ห้องนั่งเล่นอบอุ่นสำหรับครอบครัว มีพื้นที่ที่สำหรับการพักผ่อน หรือมุมส่วนตัวเพื่อพักใจในวันที่เหนื่อยล้า และสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกวันของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น

บ้านมือสอง จาก The Best Property จึงเป็นคำตอบที่ใช่ เพราะเราคัดสรรบ้านคุณภาพดี ทำเลน่าอยู่ พร้อมทีมงานมืออาชีพที่พร้อมเข้าใจทุกความต้องการของคุณ ช่วยให้คุณเลือกบ้านที่ “ตอบโจทย์ทุกความต้องการ” ได้ง่ายขึ้น เราพร้อมส่งต่อที่อยู่ความสุขให้กับทุกๆ คน สามารถเข้าถึงความสุข พร้อมรอยยิ้มในทุกๆ วัน

ส่งต่อที่อยู่ของความสุข “ค้นหาเพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

การซื้อ บ้านมือสอง ในปี 2568 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า โดยเฉพาะเมื่อซื้อกับ The Best Property ที่มีบ้านคุณภาพให้เลือกมากมาย พร้อมบริการครบวงจร หากคุณกำลังมองหา บ้านเดี่ยวมือสอง ทาวน์โฮมมือสอง หรือทาวน์เฮ้าส์มือสอง เราพร้อมช่วยคุณค้นหาบ้านที่ตรงใจที่สุด

The Best Property เราคืออันดับ 1 เรื่องอสังหาฯ โซนจังหวัดสมุทรปราการ มี “บ้านมือสอง” พร้อมให้คุณเลือกชมกว่า 20,000 รายการ ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคน พร้อมให้คำแนะนำด้านสินเชื่อ สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านมือสองอยู่ไม่ควรพลาด

และด้วยประสบการณ์ด้านอสังหาฯ กว่า 10 ปี พร้อมด้วยระบบการตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ชั้นนำด้านอสังหาฯ กว่า 21 เว็บไซต์ อีกทั้งตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ มืออาชีพ ที่ผ่านการอบรม ให้คุณเลือกใช้บริการกว่า 1,000 คน ทั่วประเทศ

หากใครกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบ้านมือสอง The Best Property เราคือผู้นำด้านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มือสอง ที่พร้อมให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากซื้อบ้าน

สามารถติดต่อเราได้ที่ 

เว็บไซต์: https://tb.co.th/ 

โทร : 02-047-4282

Facebook : Thebestpropertyhome

Line: @thebestproperty